GULF หุ้นพุ่งนำกลุ่มโรงไฟฟ้า ผ่อนคลายลดค่าไฟ หลัง กกต.เชือด “พิธา” ส่งศาล รธน.

เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2566 หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้นเกือบทั้งหมด หลังปิดตลาดภาคเช้า นำโดยหุ้น GULF ของ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เพิ่มขึ้น 4.40% ที่ 47.50 บาทต่อหุ้น มูลค่าซื้อขาย 1,468 ล้านบาท

GPSC ของ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) เพิ่มขึ้น 3.38% ที่ 53.50 บาทต่อหุ้น มูลค่าซื้อขาย 465 ล้านบาท

EA ของ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ราคาเพิ่มขึ้น 1.87% ที่ 54.50 บาทต่อหุ้น มูลค่าซื้อขาย 443 ล้านบาท

BGRIM ของ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ราคาเพิ่มขึ้น 4.38% ที่ 35.75 บาทต่อหุ้น มูลค่าซื้อขาย 359 ล้านบาท

โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่าน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล กรณีถือหุ้นบริษัทไอทีวี (ITV) ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ขณะที่ในวันพรุ่งนี้ 13 ก.ค. 2566 รัฐสภาจะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เวลา 17.00 น.

ที่ผ่านมา กลุ่มโรงไฟฟ้า ราคาหุ้นถูกกดดันจากนโยบายพรรคก้าวไกลที่จะมีการปรับลดค่าไฟฟ้า และการทลายธุรกิจผูกขาด ซึ่งอาจจะกระทบผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าบางรายในไทย

"ก้าวไกล" ส่งหนังสือค้าน กกต.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ปมหุ้นสื่อ "พิธา"

GULF ขายไฟฟ้าพุ่ง กำไรปี 65 โต 48.9% ที่ 11,418 ล้านบาท

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ 13 ก.ค. 2566 ยังมีความไม่แน่นอน ว่าใครจะได้รับคะแนนโหวตสูงให้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะ นายพิธา ยังต้องต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายประการ ทั้งเรื่องนโยบายแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112, เสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 64 เสียง และการวินิจฉัยคุณสมบัติของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการถือหุ้นสื่อไอทีวี

ทั้งนี้อาจทำให้ตลาดหุ้นไทย (SET Index) มีโอกาสผันผวนในกรอบแคบก่อน จนกว่าจะรู้ผลลัพธ์ วันนี้มองกรอบเคลื่อนไหวของ SET Index 1485-1510 จุดคำพูดจาก สล็อต777

 GULF หุ้นพุ่งนำกลุ่มโรงไฟฟ้า ผ่อนคลายลดค่าไฟ หลัง กกต.เชือด “พิธา” ส่งศาล รธน.

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ประเมิน SET Index ขึ้นสลับอ่อนตัวแนวต้าน 1,505 – 1,510 จุด ตามคาดการณ์เงินเฟ้อสหรัฐอเมริกาที่จะประกาศในวันนี้ (12 ก.ค.) จะชะลอตัวลงช่วยให้ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด (FED) ใกล้ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และราคาน้ำมันดิบโลกดีดตัวขึ้นตอบรับจีนมีแนวโน้มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงแรงซื้อหุ้นรายตัวที่คาดงบไตรมาส 2 ปี 66 เติบโต อย่างไรก็ตามความไม่แน่นอนทางการเมืองประเด็นการโหวตนายกรัฐมนตรี จะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัว